การเลี้ยงจิ้งหรีดเล็กไว้ในกล่องฟิวเจอร์บอร์ด
กริก...กริก...กริก...ๆ ไม่ใช่เสียงดนตรีที่ไหนหรอกค่ะแต่เป็นเสียงของปีกคู่หน้าสีกันของจิ้งหรีดเพศผู้นั่นเอง ก่อนที่จะกล่าวถึงการเลี้ยงจิ้งหรีดเล็กก่อนอื่นก็ขอกล่าวถึงเรื่องทั่วไปของจิ้งหรีดเล็กก่อนนะค่ะ
จิ้งหรีดเล็กหรือจิ้งหรีดพันธ์เกษตร หรืออีสานเราเรียกว่า จิล่อ ส่วนลูกของจิ้งหรีดมักเรียกว่า จิโหลน
ลักษณะโดยทั่วไป
ลำตัวมีขนาดเล็ก กว้างประมาณ 0.5 ซม. ยาวประมาณ 2.05 ซม. ตัวเต็มวัยมีสีน้ำตาลเข้ม มีตา 1 คู่ หนวด 1 คู่ ปีก 2 คู่ ขา 3 คู่
ลักษณะนิสัย
กินอาหารเก่ง โตไว ไม่ชอบบิน เดินนุ่มนวล น่ารัก ชอบอาศัยอยู่ไว้ในคันนา ทุ่งหญ้า สนามหญ้า รูใต้ดิน หรือใต้กองเศษหญ้า
วงจรชีวิตของจิ้งหรีด วงจรชีวิตจิ้งหรีดมีอยู่ 3 ระยะ คือ
1. ระยะไข่ แม่พันธุ์ 1 ตัว วางไข่ได้ถึง 1,000 ฟอง โดยมีการวางไข่แบ่งเป็น
4 รุ่น แม่พันธุ์จะใช้เข็มแทงลงดิน วางไข่ไว้ใต้ดินที่มีความชื้น ไข่จะฟักออก
เป็นตัว เมื่ออายุครบ 7 วัน
2.ระยะตัวอ่อน ฟักออกจากไข่ช่วงแรกยังไม่มีปีก จะเริ่มมีตุ่มปีกไว้ในเมื่อถึง
กลางวัยอ่อน พอลอกคราบ 8 ครั้งจึงเข้าสู่วัยแก่ มีปีก (รวมอายุวัยอ่อน
ระหว่าง 36 - 40 วัน)
3.ระยะตัวเต็มวัย มีปีก 2 คู่ เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่นมีหนามไว้ทำเสียง เพศเมีย มีปีกเรียบ และมีเข็มวางไข่อยู่ส่วนท้ายของลำตัว อายุวัยแก่ประมาณ 45 - 60 วัน
เดี่ยวเรามาพูดถึงเรื่องการเลี้ยงจิ้งหรีดต่อเลยนะค่ะ
แถวบ้านของดิฉันจะเลี้ยงจิ้งหรีดโดยใช้ฟิวเจอร์บอร์ด แทนการเลี้ยงด้วยท่อซีเมนต์ค่ะเพราะทำได้ง่าย ไม่เปลืองค่าใช้จ่าย และยังทำความสะอาดง่ายด้วยค่ะ ขั้นตอนการเลี้ยงง่าย ๆ เองค่ะ
อุปกรณ์ไว้ในการเลี้ยงจิ้งหรีด
1. ฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่
2. ตาข่ายไนล่อน 100 x 100 ซม. จำนวน 1 ผืน
3. ถาดอาหาร-น้ำ กว้าง x ยาว = 5 x 10 ซม. ลึก 1 ซม.
4. กระดาษรังไข่
5. ถาดใส่ดินร่วนปนทรายหนา 2 ซม.
6. หัวอาหารอาหารปลาหรือไก่
ขั้นตอนการเลี้ยง
1. นำฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่ มาตัดด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ยาวด้านละ 30 เซนติเมตร พับขึ้นทั้ง 2 ด้านให้เป็นกล่อง
2. ไว้ในกล่องฟิวเจอร์บอร์ดมีกระดาษรังไข่ ประมาณ 10 รัง เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจิ้งหรีด มีถาดอาหาร-น้ำ มีถาดใส่ดินร่วนปนทราย เพื่อเป็นที่สำหรับฟักไข่
3. นำถาดไข่จิ้งหรีดที่เพาะพันธ์ไว้แล้วมาวางไว้ในกล่องฟิวเจอร์บอร์ด และจะฟักออกจากไข่กลายเป็นตัวอ่อน ประมาณ 35-40 วัน และเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 45-60 วัน
4. การให้น้ำควรเปลี่ยนน้ำทุก 2 วัน
5. คลุมด้วยตาข่ายไนล่อนเพื่อป้องกันการบินและป้องกันศตรูเข้าทำลาย
เห็นไหมค่ะว่าการเลี้ยงจิ้งหรีดเล็กง่ายนิดเดียว ถ้าบ้านใครยังไม่มีรายได้เสริมก็ลองเลี้ยงดูนะค่ะ
วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552
การเลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อการค้า
จิ้งหรีดเป็นแมลงที่พบทั่วไปตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัย จะหลบซ่อนตัวตามสนามหญ้าและทุ่งหญ้า ตามรอยแตกของดิน รูใต้ดิน หรือใต้กองเศษหญ้า จิ้งหรีดมีลำตัวกระทัดรัดมีขาคู่หน้าที่ใหญ่แข็งแรงมาก กระโดดเก่ง กินพืชเป็นอาหาร ปัจจุบันนิยมบริโภคจิ้งหรีดเป็นอาหาร ให้สารอาหารโปรตีนสูง ปลอดสารพิษสามารถรักษา โรคขาดสารอาหารได้ ผู้เขียนได้เริ่มศึกษาตั้งแต่ year 2536 และต่อมาได้รับข้อมูลจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และได้นำจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำจากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาเพาะเลี้ยงพบว่าจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำ เลี้ยงง่ายขยายพันธุ์เร็วให้ผลผลิตสูง แม่พันธุ์ 1 ตัว ให้ลูกได้ถึง 1,000 ตัว เหมาะที่
เกษตรกรจะนำมาเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมไว้บริโภค และขายเพิ่มรายได้กับครอบครัวซึ่งการเลี้ยงจิ้งหรีดใช้เวลาไม่มาก หรือใช้เวลาว่างจากการเพาะ
ปลูกมาดูแลจิ้งหรีดภายในเวลา 1 year สามารถเลี้ยงจิ้งหรีดได้ 4 รุ่น
1. ชีววิทยาของจิ้งหรีด
1.1 จิ้งหรีดแม่พันธุ์ 1 ตัว วางไข่ได้ถึง 1,000 ฟอง โดยแบ่งการ วางไข่เป็น 4 รุ่น แม่พันธุ์จะใช้เข็มวางไข่ไว้ใต้ดินที่มีความชื้น ไข่จะฟักออกเป็นตัว เมื่ออายุครบ 7 วัน
1.2 ฟักออกจากไข่ช่วงแรกยังไม่มีyearกจะเริ่มมีตุ่มyearกใน กลางวัยอ่อน ลอกคราบ 8 ครั้ง เข้าสู่วัยแก่มีyearกรวมอายุวัยอ่อน ระหว่าง 36-40 วัน
1.3 มีyearก 2 คู่ เพศผู้yearกคู่หน้าย่นมีหนามไว้ทำเสียงเพศเมีย yearกเรียบ และมีเข็มวางไข่อยู่ส่วนท้ายของลำตัว อายุวัยแก่ประมาณ 45-60 วัน
1.4 ตัวเต็มวัยอายุ 3-4 วันจะเริ่มผสมพันธุ์ตัวผู้จะยกyearกคู่หน้า ถูกันส่งเสียงเรียกตัวเมีย โดยตัวเมียจะขึ้นคร่อมบนหลังตัวผู้จะผสมพันธุ์ตลอด ฤดูการวางไข่ ตัวเต็มวัยจะตายภายใน 60 วัน
1.5 ตัวเมียเริ่มวางไข่เมื่อผสมพันธุ์ผ่านไป 3-4 วัน จะแบ่งการวางไข่เป็น 4 รุ่น จะวางไข่ไว้ใต้ดินฟักออกเป็นตัวเมื่อไข่อายุครบ 7 วัน
1.6 เพศผู้yearกคู่หน้าย่นมีหนามไว้ทำเสียง เพศเมียyearกเรียบทำเสียงไม่ได้ การทำเสียงเพศผู้จะยกyearกคู่หน้าขึ้นถูกันให้เกิดเสียงหลายจังหวะหลายสำเนียง
2. อุปกรณ์การเลี้ยงจิ้งหรีด
1. ท่อปูนขนาดกว้าง 80 ซม. สูง 50 ซม. จำนวน 1 ท่อ
2. ฝาปิดท่อขนาด 80 ซม. จำนวน 1 แผ่น
3. ตาข่ายไนล่อนเขียว 100 x 100 ซม. จำนวน 1 ฝืน
4. แผ่นพลาสติก ขนาด 25 x 270 ซม. จำนวน 1 แผ่น
5. ยางรัดปากบ่อหนา 1 ซม. จำนวน 1 เส้น
6. ถาดอาหาร-น้ำ กว้าง xยาว =5x10 ลูก 1.5 ซม.2 ถาด
7. กระบอกไม้ไผ่ ยาว 20 ซม. ผ่าครึ่ง จำนวน 10 อัน
8. ดินร่วนปนทรายรองพื้น หนา 2 ซม.
9. เศษหญ้าแห้งวางหนา 2 ซม.
10. เทปกาว
3. การจัดการการเลี้ยงจิ้งหรีด
3.1 เรือนโรงหรือหลังคาป้องกันแดด-ฝนแดดส่องเช้า-เย็น
3.2 การปรับพื้นที่กำจัดมดและศัตรูจิ้งหรีด
3.3 การวางปอบนฝาใช้ปูนผสมทรายฉาบริมขอบภายใน-ภายนอกป้องกันมดเข้า
ทำลายลูกจิ้งหรีด
3.4 ติดแผ่นพลาสติกด้วยเทปกาว
3.5 พันธุ์จิ้งหรีด การเริ่มครั้งแรก หาพันธุ์ได้จากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์คัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์
ที่มีตัวโต แข็งแรงมากอวัยวะครบทุกส่วน สีเข้ม อัตราส่วนพ่อพันธุ์ 1 ตัว ต่อแม่พันธุ์ 3 ตัว
ต่อ 1 บ่อ หลังปล่อยแล้วต้องตรวจนับทุก 3 วัน หากพ่อ-แม่พันธุ์ตาย ให้หาพันธุ์มา
ทดแทนจิ้งหรีดจะผสมพันธุ์วางไข่และฟักออก เป็นตัวอ่อนหลัง วันที่ 10 เลี้ยง 1 บ่อ
จะให้ลูกจิ้งหรีดได้ระหว่าง 2,100-2,500 ตัว
3.6 การให้อาหารและการให้น้ำ
3.6.1 พืชอาหาร ได้แก่ ต้นอ่อนและยอดอ่อนพืช หรือหญ้าสดทุกชนิด หญ้าขน
หญ้าลูญี่ เลี้ยงจิ้งหรีดโตเร็ว ให้ผลผลิตสูง 2 วัน ให้หญ้า 1 ครั้ง ๆ ละ 1 กำมือ
หญ้าเก่าไม่ ต้องนำออก จะเป็นที่อาศัยของจิ้งหรีดต่อไป
3.6.2 อาหารเสริม รำอ่อนหรืออาหารสำเร็ตรูปของเนื้อไก่ไข่ก็ได้ จิ้งหรีด 1
บ่อ ใช้อาหาร 1 กก. ราคา 12-13 บาท การให้อาหารเสริมให้ปริมาณ ที่กินหมด ภายใน
2 วัน
3.6.3 การให้น้ำใส่ถาดกว้าง x ยาว = 5x10 ซม. ลึก 1 ซม.ใส่สำลีหรือ
ฟองน้ำกับ จิ้งหรีดอ่อนตก เปลี่ยนน้ำทุก 2 วัน การให้น้ำเพื่อความชื้นให้รดน้ำ
ดินพื้นบ่อทุก 3 วันพอชื้น ไม่แฉะ ก่อนรดน้ำ นำถาดอาหารออกก่อนถ้าเyearยก จะเกิดรา
4. การลงทุนและผลประโยชน์ต่อyear
4.1 วัสดุเตรียมบ่อเลี้ยง มูลค่า 207 บาท
4.2 ค่าพันธุ์ 1 year เลี้ยง 4 ชุด ๆ ละ 10 บาท = 40 บาท
4.3 ค่าอาหาร 4 กก. ๆ ละ 13 บาท เป็นเงิน 52 บาท รวมต้นทุนทั้งสิ้น 299 บาท
4.4 ผลประโยชน์จากการเลี้ยง 1 บ่อ : year บ่อเลี้ยง 1 บ่อ
เลี้ยงได้ 4 รุ่น ๆ ละ 2 กก.
รวม 8 กก. ๆ ละ 100 บาท เงิน 800 บาท หักต้นทุน 299 บาท
คงเกลือกำไร 501 บาท
5. การบริโภคและการตลาด
5.1 จิ้งหรีดเป็นแมลงที่คนนิยมกินเป็นอาหารโปรตีน ให้คุณค่าอาหารสูงปลอดสารพิษสามารถรักษาโรคขาด
สารอาหารได้การปรุงอาหาร เช่น ทอด คั่ว แดง ห่อหมก และยำจิ้งหรีดก่อนนำมาปรุงอาหารบริโภคงดอาหาร
ให้กินเฉพาะน้ำ จิ้งหรีดจะถ่ายมูลออกหมด
5.2 การตลาด ตลาดท้องถิ่น และกรุงเทพฯ จิ้งหรีดสด 1 กก. มีจำนวน 1,000 ตัว ขายส่ง กก.ละ
100-150 บาท ขายyearกปรุงรส พร้อมบริโภค กก.ละ 150-200 บาท ราคาจิ้งหรีดขึ้นลง
ตามฤดู เช่น ฤดูหนาวราคาสูงเพราะจิ้งหรีดในธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มีน้อย
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552
การเลี้ยงจิ้งหรีด ภาคพิเศษ
วงจรชีวิตของการเลี้ยงจิ้งหรีด วงจรชีวิตของการเลี้ยงจิ้งหรีดมีอยู่ 3 ระยะ ด้วยกันคือ
1. ระยะไข่ ของการเลี้ยงจิ้งหรีด แม่พันธุ์ 1 ตัวสามารถ วางไข่ได้ถึง 1,000 ฟองทีเดียว โดยมีการวางไข่แบ่งเป็น
4 รุ่น แม่พันธุ์จะใช้เข็มแทงลงดิน วางไข่ไว้ใต้ดินที่มีความชื้น ไข่จะฟักออก
เป็นตัว เมื่ออายุครบ 7 วัน ครับ
2.ระยะตัวอ่อน ของการเลี้ยงจิ้งหรีด ฟักออกจากไข่ช่วงแรกยังไม่มีปีก จะเริ่มมีตุ่มปีกในเมื่อถึง
กลางวัยอ่อน พอลอกคราบ 8 ครั้งจึงเข้าสู่วัยแก่ มีปีก (รวมอายุวัยอ่อน
ระหว่าง 36 - 40 วัน)
3.ระยะตัวเต็มวัย ของการเลี้ยงจิ้งหรีด มีปีก 2 คู่ เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่นมีหนามไว้ทำเสียง เพศเมีย มีปีกเรียบ และมีเข็มวางไข่อยู่ส่วนท้ายของลำตัว อายุวัยแก่ประมาณ 45 - 60 วัน
เดี่ยวเรามาพูดถึงเรื่องการเลี้ยงจิ้งหรีดต่อเลยนะค่ะ
แถวบ้านของดิฉันจะการเลี้ยงจิ้งหรีดโดยใช้ฟิวเจอร์บอร์ด แทนการเลี้ยงด้วยท่อซีเมนต์ค่ะเพราะทำได้ง่าย ไม่เปลืองค่าใช้จ่าย และยังทำความสะอาดง่ายด้วยค่ะ ขั้นตอนการเลี้ยงจิ้งหรีดง่าย ๆ เองค่ะ
อุปกรณ์ในการเลี้ยงจิ้งหรีด
1. ฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่
2. ตาข่ายไนล่อน 100 x 100 ซม. จำนวน 1 ผืน
3. ถาดอาหาร-น้ำ กว้าง x ยาว = 5 x 10 ซม. ลึก 1 ซม.
4. กระดาษรังไข่
5. ถาดใส่ดินร่วนปนทรายหนา 2 ซม.
6. หัวอาหารอาหารปลาหรือไก่
ขั้นตอนการเลี้ยง
1. นำฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่ มาตัดด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ยาวด้านละ 30 เซนติเมตร พับขึ้นทั้ง 2 ด้านให้เป็นกล่อง
2. ในกล่องฟิวเจอร์บอร์ดมีกระดาษรังไข่ ประมาณ 10 รัง เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจิ้งหรีด มีถาดอาหาร-น้ำ มีถาดใส่ดินร่วนปนทราย เพื่อเป็นที่สำหรับฟักไข่
3. นำถาดไข่จิ้งหรีดที่เพาะพันธ์ไว้แล้วมาวางในกล่องฟิวเจอร์บอร์ด และจะฟักออกจากไข่กลายเป็นตัวอ่อน ประมาณ 35-40 วัน และเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 45-60 วัน
4. การให้น้ำควรเปลี่ยนน้ำทุก 2 วัน
5. คลุมด้วยตาข่ายไนล่อนเพื่อป้องกันการบินและป้องกันศตรูเข้าทำลาย
การเลี้ยงจิ้งหรีด ง่ายๆนะครับไม่ยากอย่างที่คิดครับ
1. ระยะไข่ ของการเลี้ยงจิ้งหรีด แม่พันธุ์ 1 ตัวสามารถ วางไข่ได้ถึง 1,000 ฟองทีเดียว โดยมีการวางไข่แบ่งเป็น
4 รุ่น แม่พันธุ์จะใช้เข็มแทงลงดิน วางไข่ไว้ใต้ดินที่มีความชื้น ไข่จะฟักออก
เป็นตัว เมื่ออายุครบ 7 วัน ครับ
2.ระยะตัวอ่อน ของการเลี้ยงจิ้งหรีด ฟักออกจากไข่ช่วงแรกยังไม่มีปีก จะเริ่มมีตุ่มปีกในเมื่อถึง
กลางวัยอ่อน พอลอกคราบ 8 ครั้งจึงเข้าสู่วัยแก่ มีปีก (รวมอายุวัยอ่อน
ระหว่าง 36 - 40 วัน)
3.ระยะตัวเต็มวัย ของการเลี้ยงจิ้งหรีด มีปีก 2 คู่ เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่นมีหนามไว้ทำเสียง เพศเมีย มีปีกเรียบ และมีเข็มวางไข่อยู่ส่วนท้ายของลำตัว อายุวัยแก่ประมาณ 45 - 60 วัน
เดี่ยวเรามาพูดถึงเรื่องการเลี้ยงจิ้งหรีดต่อเลยนะค่ะ
แถวบ้านของดิฉันจะการเลี้ยงจิ้งหรีดโดยใช้ฟิวเจอร์บอร์ด แทนการเลี้ยงด้วยท่อซีเมนต์ค่ะเพราะทำได้ง่าย ไม่เปลืองค่าใช้จ่าย และยังทำความสะอาดง่ายด้วยค่ะ ขั้นตอนการเลี้ยงจิ้งหรีดง่าย ๆ เองค่ะ
อุปกรณ์ในการเลี้ยงจิ้งหรีด
1. ฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่
2. ตาข่ายไนล่อน 100 x 100 ซม. จำนวน 1 ผืน
3. ถาดอาหาร-น้ำ กว้าง x ยาว = 5 x 10 ซม. ลึก 1 ซม.
4. กระดาษรังไข่
5. ถาดใส่ดินร่วนปนทรายหนา 2 ซม.
6. หัวอาหารอาหารปลาหรือไก่
ขั้นตอนการเลี้ยง
1. นำฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่ มาตัดด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ยาวด้านละ 30 เซนติเมตร พับขึ้นทั้ง 2 ด้านให้เป็นกล่อง
2. ในกล่องฟิวเจอร์บอร์ดมีกระดาษรังไข่ ประมาณ 10 รัง เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจิ้งหรีด มีถาดอาหาร-น้ำ มีถาดใส่ดินร่วนปนทราย เพื่อเป็นที่สำหรับฟักไข่
3. นำถาดไข่จิ้งหรีดที่เพาะพันธ์ไว้แล้วมาวางในกล่องฟิวเจอร์บอร์ด และจะฟักออกจากไข่กลายเป็นตัวอ่อน ประมาณ 35-40 วัน และเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 45-60 วัน
4. การให้น้ำควรเปลี่ยนน้ำทุก 2 วัน
5. คลุมด้วยตาข่ายไนล่อนเพื่อป้องกันการบินและป้องกันศตรูเข้าทำลาย
การเลี้ยงจิ้งหรีด ง่ายๆนะครับไม่ยากอย่างที่คิดครับ
วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วัสดุ อุปกรณ์การเลี้ยงจิ้งหรีด-การเลี้ยงไส้เดือน6
วัสดุ อุปกรณ์การเลี้ยงจิ้งหรีด
1. บ่อจิ้งหรีด วัสดุที่จะนำมาเป็นสถานที่เพาะเลี้ยง เช่น บ่อซีเมนต์ กะละมัง ปิ๊ป โอ่ง ถังน้ำ เป็นต้น[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
2. เทปกาวใช้ติดรอบในด้านบนเพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดออกนอกบ่อ ใช้พลาสติกกว้างประมาณ 5 ซม. ให้ยาวเท่าเส้นขอบวง
3. ยางรัดปากวง ใช้ยางในรถจักรยานยนต์ ตัดให้มีขนาดกว้างน้อยกว่าขอบวงด้านนอก เพื่อความสะดวกเมื่อเวลายืดรัดตาข่ายกับขอบวง[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
4. ตาข่ายไนล่อนสีเขียว เป็นตาข่ายสำหรับปิดปากบ่อจิ้งหรีดป้องกันการบินหนีของจิ้งหรีดและ ป้องกันศัตรูเข้าทำลายจิ้งหรีดตัดให้มีขนาดใหญ่กว่าบ่อจิ้งหรีดเล็กน้อย
5.วัสดุรองพื้นบ่อ ใช้แกลบใหม่ๆ รองพื้นหนาประมาณ 1 ฝ่ามือ[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
6.ที่หลบภัย ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว อาศัยอยู่ เช่น ถาดไข่ชนิดที่เป็นกระดาษ ไม้ไผ่ตัดเป็นท่อนๆ เข่งปลาทู
7. ถาดให้อาหาร ควรเป็นถาดที่ไม่ลึกมาก เพื่อให้จิ้งหรีดได้กินอาหารได้สะดวก[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
8. ภาชนะให้น้ำ ใช้ที่ให้น้ำสำหรับลูกไก่และต้องมีหินวางไว้สำหรับให้จิ้งหรีดเกาะได้ไม่ตกน้ำ
9. ถาดไข่ สำหรับใช้เป็นที่วางไข่โดยใช้ขันอาบน้ำทั่ว ๆ ไป วัสดุที่ใส่ ใช้ขี้เถ้าแกลบดำ รดน้ำให้ชุ่ม[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
การจัดการ
1. สถานที่เลี้ยง ต้องป้องกันแสงแดดและฝนได้ อากาศถ่ายเทได้สะดวก เช่น โรงเรือนเลี้ยง ใต้ถุนบ้าน ชายคา บ้าน เป็นต้น[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
2. พ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีด ได้จากจิ้งหรีดตัวเต็มวัยที่ผสมพันธุ์แล้ว โดยไม่ต้องคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ใน 1 บ่อ มี ประมาณ 8,000 ตัว
3. การขยายพันธุ์ วางถาดไข่สำหรับวางไข่ 4-6 อัน ย้ายถาดไข่ออกวางถาดไข่อันใหม่อีก 4-6 อัน จะได้จิ้งหรีด ที่เป็นรุ่นเดียวกัน ใน 1 บ่อ สามารถวางถาดไข่ได้ 2-3 ครั้ง[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
4. การให้น้ำให้ดูขวดที่ใส่น้ำถ้าแห้งให้เติมใหม่ ถ้าสกปรกให้ล้างออก หรือใช้ต้นกล้วยดิบตัดเป็น ท่อนๆ แตงกวา ชนิดต่างๆ เช่น แตงกวา แตงโม น้ำเต้า ให้จิ่งหรีดดูดกินน้ำ เมื่อตัวเล็กๆ
5. การให้อาหาร อาหารหลักได้แก่ผักชนิดต่างๆ เช่นผักกาด กะหล่ำ หญ้า มะละกอ อาหารรองใช้อาหารไก่เล็ก ผสมกับแกลบอ่อน อัตรา 1: 1 เมื่อจิ้งหรีดอายุ 40-50 วัน พร้อมที่จะนำมาบริโภคและจำหน่ายต่อไป[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
6. เมื่อจับจิ้งหรีดในบ่อแล้ว ให้ทำความสะอาดบ่อเลี้ยงโดยการเก็บวัสดุรองพื้นบ่อออกให้หมด ส่วนขวดน้ำ ถาดอาหาร ถาดไข่ ที่หลบภัย ทำความสะอาดสามารถนำมาใช้ได้อีกค่าตอบแทน
โรคและศัพตรูของจิ้งหรีด
จิ้งหรีดเป็นแมลงที่ไม่ค่อยมีโรคและศัตรูรบกวนมากนัก ควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่าการกำจัด ซึ่งจะเป็ฯอันตราต่อจิ้งหรีดและผู้บรืโภค
โรคทางเดินอาหาร เกิดจากจิ้งหรีดได้รับอาหารที่ไม่สะอาด เกิดเชื้อรา วิธีป้องกัน คือ การให้อาหารที่มีจำนวนพอเหมาะกับจำนวนจิ้งหรีดเมื่อเก็บผลผลิตหมดแล้วควรทำ ความสะอาดบ่อก่อนนำจิ้งหรีดรุ่นใหม่มาเลี้ยง
สัตว์ศัตรู เช่น มด จิ้งจก ไร แมงมุน ป้องกันโดยโช้ตาข่ายคลุมให้มิดชิด
ต้นทุน การเลี้ยง 1 บ่อ ไม่รวมอุปกรณ์การเลี้ยงจิ้งหรีด
- ค่าอาหารไก่ 3 กก. ละ 16 บาท รำอ่อน 3 กก. ๆละ 8 บาท รวม 72 บาท
- ค่าแรงในการจัดการเลี้ยง 100 บ่อ แต่ละรุ่นใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 2 เดือน คิดเฉลี่ยทำงานวันละ 1 ชม. = 7.5 วัน คิดเป็นเงิน 9.75 บาท
- ค่าพันธุ์จิ้งหรีด 120 บาท รวมบ่อละ 201.75 บาท
รายได้ จิ้งหรีด 1 บ่อ จะได้ประมาณ 2-3 กก. ๆละ 150-200 บาท รวมบ่อละ 300-600 บาท
ถาดไข่ 4 อันๆละ 60 บาท รวม 240 บาท
รายได้ 1 บ่อ ประมาณ 338.25-638.25 บาท
[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
1. บ่อจิ้งหรีด วัสดุที่จะนำมาเป็นสถานที่เพาะเลี้ยง เช่น บ่อซีเมนต์ กะละมัง ปิ๊ป โอ่ง ถังน้ำ เป็นต้น[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
2. เทปกาวใช้ติดรอบในด้านบนเพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดออกนอกบ่อ ใช้พลาสติกกว้างประมาณ 5 ซม. ให้ยาวเท่าเส้นขอบวง
3. ยางรัดปากวง ใช้ยางในรถจักรยานยนต์ ตัดให้มีขนาดกว้างน้อยกว่าขอบวงด้านนอก เพื่อความสะดวกเมื่อเวลายืดรัดตาข่ายกับขอบวง[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
4. ตาข่ายไนล่อนสีเขียว เป็นตาข่ายสำหรับปิดปากบ่อจิ้งหรีดป้องกันการบินหนีของจิ้งหรีดและ ป้องกันศัตรูเข้าทำลายจิ้งหรีดตัดให้มีขนาดใหญ่กว่าบ่อจิ้งหรีดเล็กน้อย
5.วัสดุรองพื้นบ่อ ใช้แกลบใหม่ๆ รองพื้นหนาประมาณ 1 ฝ่ามือ[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
6.ที่หลบภัย ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว อาศัยอยู่ เช่น ถาดไข่ชนิดที่เป็นกระดาษ ไม้ไผ่ตัดเป็นท่อนๆ เข่งปลาทู
7. ถาดให้อาหาร ควรเป็นถาดที่ไม่ลึกมาก เพื่อให้จิ้งหรีดได้กินอาหารได้สะดวก[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
8. ภาชนะให้น้ำ ใช้ที่ให้น้ำสำหรับลูกไก่และต้องมีหินวางไว้สำหรับให้จิ้งหรีดเกาะได้ไม่ตกน้ำ
9. ถาดไข่ สำหรับใช้เป็นที่วางไข่โดยใช้ขันอาบน้ำทั่ว ๆ ไป วัสดุที่ใส่ ใช้ขี้เถ้าแกลบดำ รดน้ำให้ชุ่ม[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
การจัดการ
1. สถานที่เลี้ยง ต้องป้องกันแสงแดดและฝนได้ อากาศถ่ายเทได้สะดวก เช่น โรงเรือนเลี้ยง ใต้ถุนบ้าน ชายคา บ้าน เป็นต้น[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
2. พ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีด ได้จากจิ้งหรีดตัวเต็มวัยที่ผสมพันธุ์แล้ว โดยไม่ต้องคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ใน 1 บ่อ มี ประมาณ 8,000 ตัว
3. การขยายพันธุ์ วางถาดไข่สำหรับวางไข่ 4-6 อัน ย้ายถาดไข่ออกวางถาดไข่อันใหม่อีก 4-6 อัน จะได้จิ้งหรีด ที่เป็นรุ่นเดียวกัน ใน 1 บ่อ สามารถวางถาดไข่ได้ 2-3 ครั้ง[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
4. การให้น้ำให้ดูขวดที่ใส่น้ำถ้าแห้งให้เติมใหม่ ถ้าสกปรกให้ล้างออก หรือใช้ต้นกล้วยดิบตัดเป็น ท่อนๆ แตงกวา ชนิดต่างๆ เช่น แตงกวา แตงโม น้ำเต้า ให้จิ่งหรีดดูดกินน้ำ เมื่อตัวเล็กๆ
5. การให้อาหาร อาหารหลักได้แก่ผักชนิดต่างๆ เช่นผักกาด กะหล่ำ หญ้า มะละกอ อาหารรองใช้อาหารไก่เล็ก ผสมกับแกลบอ่อน อัตรา 1: 1 เมื่อจิ้งหรีดอายุ 40-50 วัน พร้อมที่จะนำมาบริโภคและจำหน่ายต่อไป[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
6. เมื่อจับจิ้งหรีดในบ่อแล้ว ให้ทำความสะอาดบ่อเลี้ยงโดยการเก็บวัสดุรองพื้นบ่อออกให้หมด ส่วนขวดน้ำ ถาดอาหาร ถาดไข่ ที่หลบภัย ทำความสะอาดสามารถนำมาใช้ได้อีกค่าตอบแทน
โรคและศัพตรูของจิ้งหรีด
จิ้งหรีดเป็นแมลงที่ไม่ค่อยมีโรคและศัตรูรบกวนมากนัก ควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่าการกำจัด ซึ่งจะเป็ฯอันตราต่อจิ้งหรีดและผู้บรืโภค
โรคทางเดินอาหาร เกิดจากจิ้งหรีดได้รับอาหารที่ไม่สะอาด เกิดเชื้อรา วิธีป้องกัน คือ การให้อาหารที่มีจำนวนพอเหมาะกับจำนวนจิ้งหรีดเมื่อเก็บผลผลิตหมดแล้วควรทำ ความสะอาดบ่อก่อนนำจิ้งหรีดรุ่นใหม่มาเลี้ยง
สัตว์ศัตรู เช่น มด จิ้งจก ไร แมงมุน ป้องกันโดยโช้ตาข่ายคลุมให้มิดชิด
ต้นทุน การเลี้ยง 1 บ่อ ไม่รวมอุปกรณ์การเลี้ยงจิ้งหรีด
- ค่าอาหารไก่ 3 กก. ละ 16 บาท รำอ่อน 3 กก. ๆละ 8 บาท รวม 72 บาท
- ค่าแรงในการจัดการเลี้ยง 100 บ่อ แต่ละรุ่นใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 2 เดือน คิดเฉลี่ยทำงานวันละ 1 ชม. = 7.5 วัน คิดเป็นเงิน 9.75 บาท
- ค่าพันธุ์จิ้งหรีด 120 บาท รวมบ่อละ 201.75 บาท
รายได้ จิ้งหรีด 1 บ่อ จะได้ประมาณ 2-3 กก. ๆละ 150-200 บาท รวมบ่อละ 300-600 บาท
ถาดไข่ 4 อันๆละ 60 บาท รวม 240 บาท
รายได้ 1 บ่อ ประมาณ 338.25-638.25 บาท
[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
การผสมพันธุ์ข-การเลี้ยงจิ้งหรีด5
การผสมพันธุ์
เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็ววัยประมาณ 3-4 วัน ก็จะเริ่มผสมพันธุ์ ตัวผู้จะส่งเสียงเรียกหาตัวเมีย ตอนแรกจะส่งเสียงเรียกหาตัวเมีย ตอนแรกจะส่งเสียงดังและร้องเป็นช่วงยาว ๆ เพื่อให้ตัวเมียเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ จิ้งหรีดจะอาศัยเสียงร้องเท่านั้น จึงจะเห็นเพศตรงข้าม เนื่องจากสายตาไม่ดี หนวดรับการสัมผัสไม่ค่อยดี จะสังเกตได้ เมื่อตัวเมียเกาะอยู่นิ่ง ๆ ตัวผุ้จะเดินผ่านไปทั้ง ๆ ตัวเมียอยู่ใกล้ เมื่อพบตัวเมียแล้วเสียงร้องจะเบาลงเป็นจังหวะสั้น ๆ กริก..กริก..กริก.. ถอยหลังเข้าหาตัวเมีย เพื่อให้ตัวเมียขึ้นคร่อมรับการผสมพันธุ์ ใช้เวลาประมาณ
10 – 15 นาที โดยตัวผู้จะยื่นอวัยวะเพศแทงไปที่อวัยวะเพศเมีย แล้วปล่อยถุงน้ำเชื้อมีลักษณะ
ปลายเป็นลูกศรออกไปติดที่อวัยวะเพศเมีย หลังจากนั้น ถูงนำเชื้อจะฝ่อลง ตัวเมียจะใช้ขาเขี่ย
ถุงน้ำเชื้อทิ้งไป
การวางไข่
หลังากผสมพันธุ์แล้ว 3- 4 วัน ตัวเมียจะเริ่มวางไข่โดยใช้อวัยวะที่ยาวแหลมคล้ายเข็ม
ความยาวประมาณ 1.50 ซม. แทงลงไปในดินลึก 1-1.50 ซม. และวางไข่เป็นกล่ม ๆ ละ
3 – 4 ฟอง ตัวเมีย 1 ตัว จะวางไข่ได้ประมาณ 1,000 – 1,200 ฟอง ปริมาณไข่สูงสุดช่วง
วันที่ 15 -16 นับจากการผสมพันธุ์ จากนั้นไข่จะลดลงเรื่อย ๆ จนหมดอายุขัย
เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็ววัยประมาณ 3-4 วัน ก็จะเริ่มผสมพันธุ์ ตัวผู้จะส่งเสียงเรียกหาตัวเมีย ตอนแรกจะส่งเสียงเรียกหาตัวเมีย ตอนแรกจะส่งเสียงดังและร้องเป็นช่วงยาว ๆ เพื่อให้ตัวเมียเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ จิ้งหรีดจะอาศัยเสียงร้องเท่านั้น จึงจะเห็นเพศตรงข้าม เนื่องจากสายตาไม่ดี หนวดรับการสัมผัสไม่ค่อยดี จะสังเกตได้ เมื่อตัวเมียเกาะอยู่นิ่ง ๆ ตัวผุ้จะเดินผ่านไปทั้ง ๆ ตัวเมียอยู่ใกล้ เมื่อพบตัวเมียแล้วเสียงร้องจะเบาลงเป็นจังหวะสั้น ๆ กริก..กริก..กริก.. ถอยหลังเข้าหาตัวเมีย เพื่อให้ตัวเมียขึ้นคร่อมรับการผสมพันธุ์ ใช้เวลาประมาณ
10 – 15 นาที โดยตัวผู้จะยื่นอวัยวะเพศแทงไปที่อวัยวะเพศเมีย แล้วปล่อยถุงน้ำเชื้อมีลักษณะ
ปลายเป็นลูกศรออกไปติดที่อวัยวะเพศเมีย หลังจากนั้น ถูงนำเชื้อจะฝ่อลง ตัวเมียจะใช้ขาเขี่ย
ถุงน้ำเชื้อทิ้งไป
การวางไข่
หลังากผสมพันธุ์แล้ว 3- 4 วัน ตัวเมียจะเริ่มวางไข่โดยใช้อวัยวะที่ยาวแหลมคล้ายเข็ม
ความยาวประมาณ 1.50 ซม. แทงลงไปในดินลึก 1-1.50 ซม. และวางไข่เป็นกล่ม ๆ ละ
3 – 4 ฟอง ตัวเมีย 1 ตัว จะวางไข่ได้ประมาณ 1,000 – 1,200 ฟอง ปริมาณไข่สูงสุดช่วง
วันที่ 15 -16 นับจากการผสมพันธุ์ จากนั้นไข่จะลดลงเรื่อย ๆ จนหมดอายุขัย
ความแตกต่างของเพศผู้และเพศเมีย-การเลี้ยงไส้เดือน4
ความแตกต่างของเพศผู้และเพศเมีย
เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่น สามารถทำให้เกิดเสียงได้ โดยใช้ปีกคู่หน้าถูกัน เสียงที่จิ้งหรีดทำขึ้น เป็นการสื่อสารที่มีความหมายของจิ้งหรีด เพศ เมีย ปีกคู่หน้าเรียบ และมีอวัยวะวางไข่ยาวแหลม คล้ายเข็มยาวประมาณ 1.50 ซม. การทำเสียงของเพศผู้ เกิดจากการใช้ปีกคู่หน้าถูหรือสีกัด ปกติปีกจะทัยกันเหนือลำตัว เพศผู้ปีกขวาจะทับปีกซ้าย ส่วนเพศเมียปีกซ้ายจะทัยปีกขวา เวลาร้องจะยกปีกคู่หน้า
ขึ้นใช้ขอบของโคนปีกซ้ายูหรือสีกับฟันซี่เล็ก ๆ ที่เรียงกันเป็นแถวที่โคนด้านในของปีกขวา
พร้อม ๆ กับการโยกตัว เสียงร้องจะบ่งบอกถึงพฤติกรรมของจิ้งหรีดในขณะนั้น เช่น
ลักษณะ แสดงพฤติกรรม
1. กริก…กริก…กริก…นานๆ อยู่โดนเดี่ยว ต้องการหาคู่ หรือหลงบ้านบางครั้งพเนจรร้องไปเรื่อย ๆ
2. กริก…กริก…กริก..เบา ๆ และถี่ ติดต่อกัน ต้องการผสมพันธุ์ ตัวผู้จะท้ายหลังเข้าหา ตัวเมีย เพื่อขึ้นคร่อมรับการผสมพันธุ์
3. กริก…กริก…กริก..ยาวดัง ๆ 2 – 3 ครั้ง โกรธ หรือแย่งความเป็นเจ้าของ
4. กริก…กริก..กริก..ลากเสียงยาว ๆ ประกาศอาณาเขต หาที่อยู่ได้แล้ว
เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่น สามารถทำให้เกิดเสียงได้ โดยใช้ปีกคู่หน้าถูกัน เสียงที่จิ้งหรีดทำขึ้น เป็นการสื่อสารที่มีความหมายของจิ้งหรีด เพศ เมีย ปีกคู่หน้าเรียบ และมีอวัยวะวางไข่ยาวแหลม คล้ายเข็มยาวประมาณ 1.50 ซม. การทำเสียงของเพศผู้ เกิดจากการใช้ปีกคู่หน้าถูหรือสีกัด ปกติปีกจะทัยกันเหนือลำตัว เพศผู้ปีกขวาจะทับปีกซ้าย ส่วนเพศเมียปีกซ้ายจะทัยปีกขวา เวลาร้องจะยกปีกคู่หน้า
ขึ้นใช้ขอบของโคนปีกซ้ายูหรือสีกับฟันซี่เล็ก ๆ ที่เรียงกันเป็นแถวที่โคนด้านในของปีกขวา
พร้อม ๆ กับการโยกตัว เสียงร้องจะบ่งบอกถึงพฤติกรรมของจิ้งหรีดในขณะนั้น เช่น
ลักษณะ แสดงพฤติกรรม
1. กริก…กริก…กริก…นานๆ อยู่โดนเดี่ยว ต้องการหาคู่ หรือหลงบ้านบางครั้งพเนจรร้องไปเรื่อย ๆ
2. กริก…กริก…กริก..เบา ๆ และถี่ ติดต่อกัน ต้องการผสมพันธุ์ ตัวผู้จะท้ายหลังเข้าหา ตัวเมีย เพื่อขึ้นคร่อมรับการผสมพันธุ์
3. กริก…กริก…กริก..ยาวดัง ๆ 2 – 3 ครั้ง โกรธ หรือแย่งความเป็นเจ้าของ
4. กริก…กริก..กริก..ลากเสียงยาว ๆ ประกาศอาณาเขต หาที่อยู่ได้แล้ว
วงจรชีวิต-การเลี้ยงไส้เดือน3
วงจรชีวิต
ไข่ มีสีขาวนวล ลักษณะเรียวยาวคล้ายเม็ดข้าวสาร ไข่เมื่อฟักนาน ๆ จะมีสีเหลือ และดำ ก่อนจะฟักออกเป็นตัวอ่อน ใช้เวลาประมาณ 13 -14 วัน ถ้าเป็นฤดูหนาวประมาณ 20 วัน
ตัวอ่อน ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ มีสีครีมต่อมาเปลี่ยนเป็นสีดำและมีลายม่วง มีการลอกคราบ
7 ครั้ง ระยะตัวอ่อนประมาณ 40 วัน
ตัวเต็มวัย อายุ 40 วันขึ้นไป มีสีน้ำตาลเข้ม ตัวเล็กกว่าพันธุ์ทองแดง
การเลี้ยงไส้เดือน
ไข่ มีสีขาวนวล ลักษณะเรียวยาวคล้ายเม็ดข้าวสาร ไข่เมื่อฟักนาน ๆ จะมีสีเหลือ และดำ ก่อนจะฟักออกเป็นตัวอ่อน ใช้เวลาประมาณ 13 -14 วัน ถ้าเป็นฤดูหนาวประมาณ 20 วัน
ตัวอ่อน ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ มีสีครีมต่อมาเปลี่ยนเป็นสีดำและมีลายม่วง มีการลอกคราบ
7 ครั้ง ระยะตัวอ่อนประมาณ 40 วัน
ตัวเต็มวัย อายุ 40 วันขึ้นไป มีสีน้ำตาลเข้ม ตัวเล็กกว่าพันธุ์ทองแดง
การเลี้ยงไส้เดือน
ประโยชน์การเลี้ยงจิ้งหรีด-การเลี้ยงจิ้งหรีด2
ประโยชน์การเลี้ยงจิ้งหรีด
1. เป็นทางเลือกหนึ่งในการประกอบอาชีพ
2. เพื่อส่งเสริมให้มีอาหารปลดสารพิษไว้บริโภค
3. เป็นกิจกรรมยามว่าง ส่งเสริมสุขาพจิต โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ
4. เป็นอาหารสัตว์ เช่น ไก่ กบ เป็น ปลา และอื่น ๆ
5. ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง (จิ้งหรีดกระป๋อง)
6. เพื่อการกีฬา เช่น ใช้เป็นเหยื่อตกปลา
ชีววิทยาของจิ้งหรีด
จิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย รูปร่างลักษณะเป็นจิ้งหรีดขนาดเล็ก ตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม
ลำตัวกล้างงบประมาณ 0.53 ซม. ยาวประมาณ 2.05 ซม. ตัวเต็มวัยเหมือนพันธุ์ทอดง
แดงลายแต่เล็กกว่า ประมาณครึ่งหนึ่ง ลักษณะนิสัย กินอาหารเก่ง โตไว ไม่ชอบบิน
เดินนุ่มนวลน่ารัก
1. เป็นทางเลือกหนึ่งในการประกอบอาชีพ
2. เพื่อส่งเสริมให้มีอาหารปลดสารพิษไว้บริโภค
3. เป็นกิจกรรมยามว่าง ส่งเสริมสุขาพจิต โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ
4. เป็นอาหารสัตว์ เช่น ไก่ กบ เป็น ปลา และอื่น ๆ
5. ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง (จิ้งหรีดกระป๋อง)
6. เพื่อการกีฬา เช่น ใช้เป็นเหยื่อตกปลา
ชีววิทยาของจิ้งหรีด
จิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย รูปร่างลักษณะเป็นจิ้งหรีดขนาดเล็ก ตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม
ลำตัวกล้างงบประมาณ 0.53 ซม. ยาวประมาณ 2.05 ซม. ตัวเต็มวัยเหมือนพันธุ์ทอดง
แดงลายแต่เล็กกว่า ประมาณครึ่งหนึ่ง ลักษณะนิสัย กินอาหารเก่ง โตไว ไม่ชอบบิน
เดินนุ่มนวลน่ารัก
ชนิดของจิ้งหรีด-การเลี้ยงจิ้งหรีด1
ชนิดของจิ้งหรีด-พื้นฐานของการเลี้ยงจิ้งหรีด
จิ้งหรีดที่พบในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มี 5 ชนิด
1. จิ้งหรีดดำ ลำตัวกล้างประมาณ 0.70 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. ตามะรรมชาติมี 3 สี คือ สีดำ สีทอง สีอำพัน โดยลักษณะที่เด่นชัดคือ จะมีจุสีเหลืองที่โคนปีก 2 จุด[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
2. จิ้งหรีดทองแดง ลำตัวกว้างประมาณ 0.60 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. มีลำตัวสีน้ำตาล เพศผู้มีสีเข้มกว่าเพศเมีย ส่วนหัวเหนือขอบตารวมต้านบนแต่ละด้านมีแถบสีเหลือ มองดูคล้ายหมวกแก๊ป มีความว่องไวมาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกจิ้งหรีดนี้เป็นภาษาถิ่นว่า จินาย อิเจ๊ก จิ้งหรีดม้า เป็นต้น[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
3. จิ้งหรีดเล็ก มีขนาดเล็กที่สุด สีน้ำตาล บางท้องที่เรียกว่า จิลอ จิ้งหรีดผี หรือ แอ้ด เป็นต้น ลักษณะคล้ายจิ้งหรีดพันธุ์ทอดแดง แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยขนาดประมาณหนี่งในสามของจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดง[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
4. จิ้งโก่ง เป็นจิ้งหรีดขนาดใหญ่ สีน้ำตาล ลำตัวกว้างประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 3.50 ซม. ชอบอยู่ในรูลึก โดยจะขุดดินสร้างรังอาศัยได้เอง และพฤติกรรมชอบอพยพย้ายที่อยู่เสมอ มีชื่อเรกแตกต่างกันไป เช่น จิโปม จิ้งกุ่ง เป็นต้น
[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
5. จิ้งหรีดทองแดงลาย มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีปีกครี่งตัว และชนอดที่มีปีกยาวเหมือนจิ้งหรีดทั่วไป ตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวกว้างประมาณ 0.53 ซม. ยาวประมาณ 2.05 ซม. ตัวเต็มวัยเหมือนพันธุ์ทองดแดงแต่เล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
นี้เป็นเพียงพื้นฐานของการเลี้ยงจิ้งหรีดนะครับรอติดตามตอนต่อๆไปนะครับว่าเราจะนำเสนอเรื่องอะไร
จิ้งหรีดที่พบในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มี 5 ชนิด
1. จิ้งหรีดดำ ลำตัวกล้างประมาณ 0.70 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. ตามะรรมชาติมี 3 สี คือ สีดำ สีทอง สีอำพัน โดยลักษณะที่เด่นชัดคือ จะมีจุสีเหลืองที่โคนปีก 2 จุด[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
2. จิ้งหรีดทองแดง ลำตัวกว้างประมาณ 0.60 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. มีลำตัวสีน้ำตาล เพศผู้มีสีเข้มกว่าเพศเมีย ส่วนหัวเหนือขอบตารวมต้านบนแต่ละด้านมีแถบสีเหลือ มองดูคล้ายหมวกแก๊ป มีความว่องไวมาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกจิ้งหรีดนี้เป็นภาษาถิ่นว่า จินาย อิเจ๊ก จิ้งหรีดม้า เป็นต้น[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
3. จิ้งหรีดเล็ก มีขนาดเล็กที่สุด สีน้ำตาล บางท้องที่เรียกว่า จิลอ จิ้งหรีดผี หรือ แอ้ด เป็นต้น ลักษณะคล้ายจิ้งหรีดพันธุ์ทอดแดง แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยขนาดประมาณหนี่งในสามของจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดง[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
4. จิ้งโก่ง เป็นจิ้งหรีดขนาดใหญ่ สีน้ำตาล ลำตัวกว้างประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 3.50 ซม. ชอบอยู่ในรูลึก โดยจะขุดดินสร้างรังอาศัยได้เอง และพฤติกรรมชอบอพยพย้ายที่อยู่เสมอ มีชื่อเรกแตกต่างกันไป เช่น จิโปม จิ้งกุ่ง เป็นต้น
[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
5. จิ้งหรีดทองแดงลาย มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีปีกครี่งตัว และชนอดที่มีปีกยาวเหมือนจิ้งหรีดทั่วไป ตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวกว้างประมาณ 0.53 ซม. ยาวประมาณ 2.05 ซม. ตัวเต็มวัยเหมือนพันธุ์ทองดแดงแต่เล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
[การเลี้ยงจิ้งหรีด]
นี้เป็นเพียงพื้นฐานของการเลี้ยงจิ้งหรีดนะครับรอติดตามตอนต่อๆไปนะครับว่าเราจะนำเสนอเรื่องอะไร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)